วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

D.I.Y. MP3 Player Headphone

ผมมักจะฝึกฟังภาษาต่างประเทศขณะเดินทางผ่านเครื่อง PDA (คอมพิวเตอร์แบบพกพา)เป็นประจำ  แต่ที่น่ารำคาญก็คือ ผมชอบเหน็บซองใส่ PDA ไว้ที่หูเข็มขัด แล้วโยงสายหูฟังแบบเหน็บรูหูมาที่หู  ผมไม่ค่อยชอบนักที่สายของมันระโยงระยางเกะกะ และการดึง PDA เข้าออกเพื่อเลือกไฟล์ก็ลำบากต้องถอดแจ๊คหูฟังออกก่อน  สายที่ระเกะระกะก็เก็บยุ่งยาก  ทางแก้มีด้วยกันหลายวิธี  แต่ผมนึกๆ ก็อยากจะได้หูฟังที่สามารถเล่น mp3ได้ในตัวเอาไว้ใช้งาน

หลังจากที่พยายามเดินหาตามร้านแถวคลองถมอยู่นานสองนาน  ก็ไม่พบว่ามีร้านค้าไหนขายเครื่องแบบที่ว่า  ซ้ำยังโดยคนขายหลายคนตอบกลับเหมือนกับว่ามันไม่มีเครื่องอะไรเทือกนั้นหรอก   ความจริงแล้ว หูฟังที่เล่น mp3ได้นั้นมีขายอยู่ อย่างเช่นของ SONY แต่สนนราคาค่าตัวมันผมคิดว่าแพงเกินไปสำหรับการที่ผมจะเอามาใช้งานแค่ฟังภาษา  เลยอยากได้เครื่องที่ราคาไม่แพงมากนัก แต่ก็ยังไม่แพร่หลายในท้องตลาด อย่ากระนั้นเลย ลงมือ D.I.Y.(Do It Yourself) ซะเลยดีกว่า


แพลนแรก ผมตั้งใจหาหูฟังที่ครอบหูแบบแขวนไปข้างหลังที่ไม่แพงนัก(แบบสำหรับเล่นกีฬา)  และทำการตัดต่อสายไฟเพื่อให้มันเชื่อมเข้ากับเครื่องเล่น mp3ขนาดเล็กๆ โดยให้สายไฟมาพันรวมกันที่ด้านเดียว  ข้อสำคัญคือ ด้านนอกของครอบหูฟังต้องค่อนข้างแบนเรียบ  ผมไปเจอหูฟังแบบที่ว่านี่ที่เซียร์รังสิต ในราคา 150 บาท  โชคดีอีกส่วนหนึ่งก็คือสายหูฟังมันโผล่ออกมาจากด้านเดียวอยู่แล้ว ก็คงไม่ต้องตัดสายบัดกรีแจ็คใหม่ให้เสียเวลา


ส่วนตัวเล่น mp3 ครั้งแรกผมเห็นเจ้าเครื่องเล่น mp3 แบบที่ต้องการที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ติดราคาอยู่ 350 บาท  แต่ตั้งใจอยู่ว่าจะไปเดินหาของที่คลองถม  ผมลงรถโดยสารแถบบ้านหม้อ เพื่อเดินดูสินค้าอิเลคทรอนิกส์สำหรับพร้อเจ็คอื่น  และก็เห็นไอ้เจ้า mp3 แบบเดียวกันนี้ในราคา 270 บาท  สุดท้ายผมมาได้เจ้า mp3 อย่างเดียวกันนี้ในราคาเพียง 250 บาท โดยไม่ได้ต่อรองราคา  ดูจากราคาก็คงต้องเป็นของจากเมืองจีนโดยไม่ต้องสงสัย และก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับคุณภาพเลย  สินค้าที่คลองถมยังถูกอยู่เสมอ เมื่อเทียบกับตลาดนัดจตุจักรที่ราคาเปลี่ยนแปลงไปมากในหลายปีมานี้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากนิยมเดินทางไปที่นั่น เพื่อซื้อสินค้าเป็นของฝากและกลับไปจำหน่าย



เมื่อมาถึงบ้านแล้วแกะออกดู มันสร้างความประหลาดใจให้ผมพอควรในราคา 250 บาทนี้  โห นอกจากตัวเครื่องเล่น mp3 ขนาดเล็กๆ นี้แล้ว มันยังมี  วอลล์ชาร์จ 220โวลท์ ที่ขั้วออกเป็น USB แบบพับขาปลั๊กได้  หูฟังสเตริโอหนึ่งเส้น  แล้วก็สาย USB (ที่ใช้ได้ทั้งโหลดไฟล์จากคอมพิวเตอร์  ชาร์จไฟจามคอมฯ แล้วก็ต่อชาร์จไฟจาก วอลล์ชาร์จ)มาให้ด้วย  จีนทำได้จริงๆ  ลองคิดดูซิว่าต้นทุนจากโรงงานจะเป็นเท่าไร ในขณะที่ต้องผ่านพ่อค้ามาหลายมือ


mp3 ที่ได้นี้ มีแต่ตัวเล่นเฉยๆ ไม่มีหน่วยความจำ  ผมจำเป็นต้องไปซื้อหน่วยความจำที่เป็น Micro SD และก็เลยไปซื้อที่ห้างฟอร์จูนซึ่งอยู่ใกล้ที่พัก  ได้ Micro SD 2 GB จากร้านที่ซื้อประจำซึ่งอยู่ที่ชั้นสาม ในราคา 200 บาท  ร้านนี้สินค้าจะติดราคาตายตัว และจัดได้ว่าถูกหรือไม่แพงนักเมื่อเทียบกับอีกหลายร้าน (ภายหลังผมมาเจอ Micro SD ยี่ห้อเดียวกันนี้ในราคาเดียวกันที่ Telewiz แถมยังมี adapter SD ให้อีกด้วย)

ไ้ด้ memory มาปั๊ป  ผมลองโหลดไฟล์ mp3 เข้าเครื่องผ่านสาย USB ทันที  การโหลดไฟล์นั้นค่อนข้างช้ากว่าเครื่องเล่นตัวอื่นๆ ที่ผมมี  พอโหลดไฟล์เข้าเครื่องก็เปิดเล่นได้ทันที  เข้าใจว่ามันจะชาร์จไฟให้ด้วย  เสียงที่คาดว่าจะเบาเกินไป ก็อยู่ในระดับดังพอสมควร  แต่ไม่ดังมากนัก แม้จะเพิ่มโวลุ่มจนสุด  คุณภาพเสียงผมไม่ได้คาดอะไรอยู่แล้ว ก็เลยไม่ขอพูดถึง




ผมพันสายหูฟังของหูฟังตัวใหม่รอบก้านหูฟังเพื่อเก็บสาย  และตัดและติดเทปหนามเตยเข้ากับหูฟังด้านหนึ่ง และ ตัวเล่น mp3 โดยจัดวางตำแหน่งที่คิดว่าเหมาะสมก่อนจะลอกเทปติดลงไป  การใช้เทปตุ๊กแกนี้จะช่วยให้ผมขยับปรับเปลี่ยน หรือแยกชิ้นส่วนได้ง่ายขึ้น   เทปหนามเตยหรือที่ผมเรียกเอาเองว่าเทปตุ๊กแกนี้ มีชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาอังกฤษว่า Velcro Tape

รวมเบ็ดเสร็จ 620 บาท (เสียเทปตุ๊กแกไปประมาณ 20 บาท และไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ)  ผมได้ mp3 player headphone สตึๆ มาอันหนึ่ง  ความตั้งใจแต่แรกว่าจะใช้ปืนกาวยิง หรือใช้ซิลิโคนใสทาสายหูฟังให้ติดกับก้านมันก็ต้องระงับไว้ก่อน  ว่าจะลองใช้ดูอีกสักพัก เนื่องจากหลังจากทดลองใช้งานดูพบปัญหาเรื่องการเลือกไฟล์เพลงที่จะเล่น มันต้องเลื่อนไปทีละเพลง และมันไม่มีหน้าจอสำหรับดูชื่อเพลง ทำให้ไม่สะดวกนัก  ผมดูจากในอินเอตร์เนตก็พบเครื่องเล่นตัวอื่น รูปร่างแบบเดียวกัน แต่มีหน้าจอแสดงชื่อเพลงด้วย  ถ้ามีเวลาหรืออยากใช้งานเจ้านี่ต่อ ผมคงหามาเปลี่ยนอีกทีหนึ่ง  ส่วนอย่างอื่นๆ แล้วสำหรับการใช้งานในการฟังภาษาก็ไม่มีปัญหาอะไร

จับข่าวคุย - นักเรียนนักเลง Boy, aged 9, killed in Thai school gang shooting

หนังสือพิมพ์เป็นแหล่งฝึกการอ่านที่ดีที่สุดอันหนึ่ง โดยเฉพาะกับการเรียนรู้ภาษา
สมัยหนึ่งผมถึงกับเลิกอ่านหนังสือพิมพ์ไปพักหนึ่ง เพราะบนหน้าหนังสือพิมพ์รายวันไทยโดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ชาวบ้าน มักมีแต่ข่าวฆ่าแกงกันทุกวัน และข่าวที่มักมีอยู่ประจำ โดยเฉพาะช่วงเปิดภาคการศึกษาใหม่ก็คือข่าวนักเรียนตีกัน และมักจะเป็นนักเรียนในกลุ่มอาชีวะศึกษาหรือช่างกลทั้งหลายแหล่

ผมไม่แน่ใจว่า ปัญหาเด็กนักเรียนตีกันมีเิกิดขึ้นในเฉพาะประเทศไทยหรือประเทศด้อยพัฒนาอื่นๆ หรือไม่  แต่มันแสดงออกถึงความด้อยพัฒนาของประเทศได้อย่างชัดเจน (ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างอเมริกาก็พบปัญหาเรื่องการยิงหมู่จากเด็กนักเรียน หรือในญี่ปุ่นเองก็ปัญหาเรื่องอัตราการฆ่าตัวตายในหมู่นักเรียนวัยรุ่นที่สูง)

ปัญหาเรื่องเด็กนักเรียนตีกันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก และมีการพยายามแก้ไขกัน(อย่างไม่จริงจัง - พอเกิดปัญหาทีก็แก้กันที) มาทุกยุคทุกสมัย ผมยังมองไม่เห็นวิธีทางแก้ปัญหาหรือทางออกที่ดีที่สุด แต่คิดว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว จะมีพวกหัวโจกเลวๆ หรือพวกที่อยากแสดงพาวให้เห็นว่าตัวเองนั้นแน่กว่าคนอื่น โดยการสร้างความรุนแรงหรือใช้ความรุนแรงมากๆ อยู่ไม่กี่ตัว หากจัดการแยกแยะพวกที่เลวๆ เหล่านี้ออกไป สังคมการศึกษาของเด็กนักเรียนที่เหลือน่าจะดีขึ้น

ผมมีความคิดอยู่เสมอว่า สังคมต้องแยกเอาคนเลวออกจากคนดีไปให้มากที่สุด โดยเฉพาะพวกเลวโดยสันดาน คนเลวๆ หนึ่งคน อาจสร้างความเดือดร้อนให้คนดีๆ เป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพันคน ยิ่งมีคนเหล่านี้มากเท่าไร สังคมก็อยู่ไม่เป็นสุขมากเท่านั้น

ผมไม่สามารถยอมรับกับความรุนแรงที่คนเหล่านี้ก่อได้ และไม่สามารถยอมรับว่าพวกเขาเหล่านี้ยังเป็นเด็กหรือเยาวชน สิ่งที่พวกเขาก่อควรได้รับการลงโทษสมกับความผิด หากบางกลุ่มคนยังมองว่าคนเหล่านี้ยังเป็นเด็กเป็นเยาวชนอยู่ และจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ ผมว่ามีคนดีๆ อีกจำนวนมากต้องได้รับความเดือดร้อน บาดเจ็บหรือจบชีวิตลง กฎหมายควรได้รับการแก้ไขเพื่อลงโทษคนพวกนี้ในฐานะผู้ใหญ่ หากความผิดนั้นเป็นความผิดครุโทษ (โทษสถานหนัก)

ถึงแม้คนเหล่านี้อาจจะไม่ฉลาดมากนัก แต่คงฉลาดพอที่จะรู้ว่าอาวุธที่เค้าใช้นั้น มันฆ่าคนอื่นได้ และอาจพลาดไปโดนผู้อื่นได้ด้วย (หรือแม้กระทั่งใช้ฆ่าคู่อริก็ตามที) มันเป็นการเจตนาฆ่าชัดๆ และเป็นการเตรียมการมาก่อนแล้ว นอกจากนี้เราควรลงโทษขั้นรุนแรงเมื่อมีการตรวจพบอาวุธต่างๆ ไม่ว่า มีด ปืนหรือ ระเบิด เนื่องจากอาวุธเหล่านี้คือสิ่งที่สามารถนำไปก่อเหตุได้ และไม่ควรมาอยู่ในมือของผู้ที่จะเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา

คิดเล่นๆ นะครับ ถ้าคนพวกนี้ต้องการความรุนแรง ผมว่าเราน่าจะให้เค้าได้ตอบสนองความต้องการของตัวเอง จับพวกมันไปปล่อยรวมกันแล้วปล่อยให้สู้หรือไล่ล่ากันเองจนตายไปให้หมด (ลองดูตัวอย่างจากหนังหรือการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง Battle Royale)

ส่วนพวกที่เหลือ ควรจัดกิจกรรมอื่นๆให้ทำ ให้มีเวลาเรียนรู้เรื่องสร้างสรรค์อื่นๆ ให้มากขึ้น เช่น ดนตรี กีฬา เกมส์ การประดิษฐ์ ฯลฯ (ผมชอบไอเดียรายการคนพันธุ์อา) ดึงเอาความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคนออกมาให้มากที่สุด ให้เค้าได้เรียนรู้ในสิ่งที่เค้าชอบให้มากที่สุด เปิดโอกาสให้พวกเค้าให้มากที่สุด การไปอบรมร่วมกันโดยวิธีทางการทหารเห็นแล้วว่าไม่ค่อยได้ผลนัก

เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ก็มีแม่ค้าตลาดถูกลูกหลงตายจากการไล่ยิงกันของคนเหล่านี้ สิ่งที่เรามักได้ยินอยู่เสมอจากญาติของผู้ตายหลังเกิดเหตุการณ์ก็คือ อยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นรายสุดท้าย และนี่ก็คืออีกรายหนึ่งที่ต้องพูดคล้ายๆ กันเช่นนั้น

Boy, aged 9, killed in Thai school gang shooting: police

BANGKOK, September 1, 2010 (AFP) - A nine-year-old boy was shot and killed in the Thai capital on his way to school Wednesday when a teenage gang opened fire on his bus, police said.

Jatupon Ponpaka was about to get off the bus with his elder brother at a stop in eastern Bangkok when about 10 students from a local high school started chasing the vehicle, opening fire as it sped away.

"The boy was shot in the face and neck and died later in hospital," said Police Lieutenant Pradit Taprasitjit, in charge of the investigation.

The same group of students went on to throw beer bottles at the next bus, which had four students from a rival school on board, he told AFP.

Fighting between rival school gangs in public places is common in Thailand, with innocent people often caught up in the violence.

"My son will not be the last victim to die in similar circumstances. There is no benefit from fighting each other. I want them to stop fighting," Ungsu Khamwong, the boy's mother, said on Thailand's PBS television channel.

ที่มา www.thaivisa.com



Boy, aged 9, killed in Thai school gang shooting: police
เด็กชาย มีอายุ 9 ถูกฆ่า ใน ไทย โรงเรียน แก๊งค์ การยิง:ตำรวจ
เด็กชาย วัย 9 ปี ตายจากเหตุการณ์ยิงกันของแก็งค์นักเรียน:ตำรวจรายงาน
BANGKOK, September 1, 2010 (AFP)
กรุงเทพ  กันยายน  1, 2010 (เอเอฟพี)
กรุงเทพ  1 กันยายน ค.ศ.2010 (เอเอฟพี รายงาน)
A nine-year-old boy was shot and killed in the Thai capital on his way to school Wednesday
คนหนึ่ง วัย 9 ปี เด็กขาย ถูกยิง และ ถูกฆ่า ใน ไทย เมืองหลวง ขณะเดินทาง ไป โรงเรียน วันพุธ
เด็กชายวัย 9 ปี ถูกยิงเสียชีวิตกลางเมืองหลวงของไทยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาขณะกำลังเดินทางไปโรงเรียน
when a teenage gang opened fire on his bus, police said.
เมื่อ วัยรุ่น แก๊งค์ เริ่ม ยิง บน ของเขา รถบัส ตำรวจ พูด
ระหว่างที่แก๊งค์วัยรุ่นเปิดฉากยิงใส่รถเมล์ของเขา ตำรวจกล่าว
Jatupon Ponpaka was about to get off the bus
จตุพร ผลผกา กำลังจะ ลงจาก รถบัส
ขณะที่ ด.ช.จตุพร ผลผกากำลังจะลงจากรถเมล์
with his elder brother at a stop in eastern Bangkok
กับ ของเขา พี่ชาย ที่ หยุด ใน แถบตะวันออก กรุงเทพ
พร้อมด้วยพี่ขายของเขาที่ป้ายรถเมล์บริเวณฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร
when about 10 students from a local high school started chasing the vehicle,
เมื่อ ราวๆ 10 นักเรียน จาก ท้องถิ่น โรงเรียนระดับมัธยม เริ่ม ไล่ตาม ยานพาหนะ
เมื่อเด็กนักเรียนราว 10 คนจากโรงเรียนอาชีวะในละแวกนั้นเริ่มไล่ตามรถคันที่เขานั่ง
opening fire as it sped away.
เริ่ม ยิง ขณะที่ มัน เผ่นหนีไป
และเริ่มต้นยิงขึ้นขณะที่รถเมล์พยายามเร่งเครื่องหนีไป
"The boy was shot in the face and neck and died later in hospital,"
เด็กชาย ถูกยิง ใน ใบหน้า และ ลำคอ และ ตาย ภายหลัง ใน โรงพยาบาล
เด็กชายถูกยิงเข้าที่ใบหน้าและตามลำคอ และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา
said Police Lieutenant Pradit Taprasitjit,in charge of the investigation.
พูด ตำรวจ ร้อยโท ประดิษฐ์ ทะประสิทธิ์จิตต์ มีหน้าที่ เจ้าหน้าที่สืบสวน
พ.ต.ท. ประดิษฐ์ ทะประสิทธิ์จิตต์ กล่าวในฐานะเจ้าพนักงานสอบสวน (lieutenant colonel - พันโท)  
The same group of students went on to throw beer bottles at the next bus,
เดียวกัน กลุ่ม นักเรียน ทำต่อไป ขว้าง เบียร์ ขวด ไปยัง ต่อมา รถบัส
นักเรียนกลุ่มเดียวกันนั้นยังได้ขว้างขวดเบียร์เข้าใส่รถประจำทางคันถัดไปอีก
which had four students from a rival school on board, he told AFP.
ซึ่ง มี สี่คน นักเรียน จาก คู่แข่ง โรงเรียน โดยสาร เขา บอก เอเอฟพี
ซึ่งมีนักเรียนจากโรงเรียนคู่อรินั่งอยู่ด้วย เขากล่าวกับ เอเอฟพี
Fighting between rival school gangs in public places is common in Thailand,
การต่อสู้ ระหว่าง คู่ต่อสู้ โรงเรียน แก๊งค์ ใน สาธารณะ สถานที่ เป็น เรื่องสามัญ ใน ประเทศไทย
การตีกันระหว่างแก๊งค์นักเรียนคู่อริในที่สาธารณะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาในไทย
with innocent people often caught up in the violence.
กับ ไร้เดียงสา ประขาขน บ่อยๆ  ติดอยู่ด้วย ใน ความรุนแรง
พร้อมกับผู้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงเหล่านี้อยู่เสมอ
"My son will not be the last victim to die in similar circumstances.
ลูกของฉัน จะไม่เป็น สุดท้าย เหยื่อ ที่ ตาย ใน คล้ายๆกัน สภาพการณ์
ลูกของฉันคงไม่เป็นเหยื่อรายสุดท้ายที่ตายจากเหตุการณ์แบบนี้
There is no benefit from fighting each other.
มันไม่มี ประโยขน์ จาก การต่อสู้ กันและกัน
มันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยที่จะตีกัน
I want them to stop fighting,"
ฉัน ต้องการ พวกเขา ให้ ยุติ การต่อสู้
ฉันอยากจะให้พวกเขาหยุดตีกัน
Ungsu Khamwong, the boy's mother, said on Thailand's PBS television channel.
อังศุ ขำวงศ์ ของเด็ก แม่ บอก ใน ของไทย พีบีเอส โทรทัศน์ ข่องสถานี
นางอังศุ ขำวงศ์ มารดาของเด็ก กล่าวกับสถานีโทรทัศน์พีบีเอสของไทย

การลงโทษนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ตำรวจควรจะทำก็คือ พยายามจับตัวผู้กระทำผิดมาให้ได้และโดยเร็วที่สุด ถ้าเกือบทุกกรณี ตำรวจสามารถจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ ผู้จะกระทำผิดก็จะเกรงกลัวมากขึ้น แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้กระทำผิดสามารถลอยนวลอยู่ได้เป็นเวลานาน (ซึ่งทำให้เกิดการก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำอีก) หรือไม่ก็ไม่เคยถูกจับกุมเพื่อมารับการลงโทษ ทำให้ผู้กระทำผิดเหล่านี้ได้ใจ และคิดว่าตัวเองจะสามารถหนีรอดจากการรับโทษได้ทุกครั้ง - เมื่อวานนี้ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดในคดีนี้ได้แล้ว

หมายเหตุ: ผมรู้สึกว่าความคิดของตัวเองก็ไม่ต่างกับเด็กนักเรียนที่ตีกันเหล่านั้น คือไม่รู้จักให้อภัยและลดความเคียดแค้นโกรธแค้นลง และคิดเอาว่าการลงโทษนั้นเป็นการแก้แค้นที่สาสมอย่างหนึ่ง ซึ่งมันก็ก่อให้เกิดการแก้แค้นกันไม่รู้จบ